วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Program 3.2 ( Color & Modern Art )

โปรแกรมที่ 3.2 เป็นการศึกษาเรื่องทฤษฎีสี การสร้างงานศิลปะยุคสมัยต่างๆของศิลปะสมัยใหม่และสามารถสื่อความหมายเป็นผลงานศิลปะ 2 มิติ

   โจทย์ : ออกแบบและสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ 2 มิติ จำนวน 2 ภาพ โดยใช้ทฤษฎีสีและเทคนิคการจัดองค์ประกอบแบบต่าง ประกอบการนำเสนองานจากยุคสัมยของศิลปะสมัยใหม่ โดยใช้เทคนิค IMPRESSIONISM และ CUBISM อย่างละ 1 ภาพ โดยนำภาพต้นแบบจากผลงานของสถาปนิก
จากปฎิบัติการที่ 2


หมายเลขภาพต้นแบบ :  4
แนวทางศิลปะ           : IMPRESSIONISM
แนวความคิด             : เหมือนจริงมากที่สุด ใช้เทคนิคโครงสีแบบเดียว




 
หมายเลขภาพต้นแบบ :  4
แนวทางศิลปะ           : CUBISM
แนวความคิด             : ทุกอย่างเป็นเหลี่ยมหมด ให้สีม่วงเป็นจุดเด่นของภาพ

Program 3.1 ( The Meaning of Nature's Colors )

โปรแกรมที่ 3.1 เป็นการศึกษาเรื่องทฤษฎีสี เทคนิคความสว่างของสี เทคนิคการลดความสด รวมถึง โครงสี เพื่อประยุกต์ใช้ในงานออกแบบ

   โจทย์ : ให้เลือกใช้สีตามทฤษฎีโครงสี คู่กับเทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี หรือเทคนิคลดความสดของสี อย่างใดอย่างนึง มีลำดับสี 5 ลำดับเป็นอย่างน้อย  โดยผลงานที่สร้างสรรค์เป็นการนำเค้าโครงสีที่มีในธรรมชาติมาประยุกต์

 
 
ทฤษฎีโครงสี  :   โครงสีแบบข้างเคียง
เทคนิค           :   เทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี
แนวความคิด   :   ต้นไม้สลัวๆ. ..

Program Sightseeing ( ทัศนศึกษา )

โปรแกรมนี้ต้องการให้นิสิตไปทัศนศึกษา เพื่อวิเคราะห์ชิ้นงานศิลปะ หรือผลงานออกแบบนิเทศศิลป์ หรือผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน หรืองานสถาปัตยกรรม เพื่อทำการนำเสนอข้อมูล โดยสรุปผลการวิเคราะห์ การจัดองค์ประกอบ ทฤษฎีสี การสื่อความหมาย รูปร่าง รูปทรง และที่ว่าง การออกแบบแสง เป็นต้น นำเสนอผลงานในชั้นเรียน

สถานที่ทัศนศึกษา : ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ(TCDC)



           โดยผมได้เลือกทำห้องสมุดของ TCDC ก็เพราะชอบเป็นการส่วนตัว ในเรื่องของการจัดองค์ประกอบในหลายๆด้าน ที่นี่มีความเป็นโมเดิร์นแบบเรียบง่ายๆ โดยบริเวณเคาร์เตอร์ เป็นลายต้นไม้คล้ายลายไทยโดยใช้สีทอง และพื้นหลังสีดำ ที่นี่ใช้พื้นไม้เพื่อแสดงถึงความอบอุ่น และตีตามยาวไปเพราะจะไำด้แสดงถึงความลึก  ในบริเวณที่เป็นโต๊ะไฟก็จะมีไฟส่องสว่างอย่างทั่วถึงทั่วบริเวณ  และยังมีเบาะรองนั่งเป็นรูปทรงเรขาคณิต จัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบและมีหลายสีเพื่อกำจัดความน่าเบื่อ และชั้นวางหนังสือก็เป็นไม้ เพื่อกลมกลืนกับพื้นไม้

           อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า ถ้าจะเลือกเน้นลงสีในจุดบางจุดก็ได้ เช่นในเรื่องของเคาร์เตอร์ที่มีต้นไม้สีทองพื้นหลังสีดำ คนที่ไม่เคยไปก็จะไม่รู้ว่ามันมีลักษณะสียังไงหรือเป็นแบบไหน ถ้าลงสีมาจะทำให้กระจ่างขึ้น และการนำเสนอควรนำเสนอภาพรวมทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาอธิบายเฉพาะจุด. ..

Program 6.2 ( รูปทรงและที่ว่างแห่งอิริยาบท )

โปรแกรมที่ 6.2  ให้นำผลงานจากปฎิบัติการที่ 6.1 มาพัฒนาสร้างเป็นรูปทรงและที่ว่าง 3 มิติ เพื่อรับรองการใช้งานของมนุษย์ 1 คน ซึ่งสามารถใช้สอยที่ว่างภายในของรูปทรงนั้นได้ด้วยกิริยาท่าทางอย่างน้อย 1 อิริยาบถ โดยจัดทำรูปทรง 3 มิติตามขนาดวัสดุจริง ย่อขนาดมนุษย์ลงในอัตราส่วน 1:5


ตรวจงานครั้งที่1และครั้งที่ 2 

       เราก็ได้ไปพัฒนาเป็นรูปทรงโค้งมาบรรจบกันเพื่อจะได้ยึดเป็นที่ว่างภายในได้ อาจารย์ก็ได้ให้ข้อคิดและลูกเล่นคือการดัดหรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ จนไปถึงการตรวจครั้งสุดท้าย


ตรวจงานครั้งสุดท้าย

       จากครั้งที่1 และ 2 เราก็ได้พัฒนาเป็นที่ว่างให้คนสามารถเข้าไปเล่นอะไรก็ได้ข้างใน เราสร้างสรรค์ให้คน open mind ว่าจะทำอะไรกับงานของเราซึ่งจากวัสดุที่เป็นกระดาษและเกิดจากการพับรวมๆกันเยอะๆก็จะเกิดความหนักของชิ้นงาน เราเลยทำเป็นประติมากรรมไปในตัวไปด้วย







        อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่ามันดูเล็กเกินไป แคบเกินไป และ SKD ถ้าอะไรไม่เกี่ยวข้องกับงานก็ไม่ต้องใส่มา และวิธีการเสียบกระดาษนั้นควรจะมีตัวอย่างชิ้นงานมาเสียบให้ดูบริเวณการนำเสนอ ไม่ใช่มาพูดปากเปล่าเพราะ บางคนนึกภาพไม่ออก

Program 6.1 ( รูปทรงและที่ว่างแห่งอิริยาบท )

   โปรแกรมที่ 6.1ให้จัดกลุ่มทำงานคู่ เพื่อศึกษาและทดลองถึงคุณสมบััติวัสดุ ถึงศักยภาพและขีดจำกัด เพื่อใช้เป็นวัสดุหลักในการสร้างรูปทรงและที่ว่าง 3 มิติ (ที่สามารถคงรูปได้) โดยใช้เทคนิคการขึ้นรูปทรงและที่ว่าง อย่างน้อย 2 ชนิดและอย่างละ 2 เทคนิค


ตรวจงานครั้งที่ 1 
กลุ่มผมทำกระดาษมาทั้ง 2 คน


     อันแรกเป็นแบบคล้ายๆยางรัดผมโดยเกิดจากการพับ ซึ่งมีข้อดีคือสามารถบิดเข้าออกได้ แต่ข้อเสียคือไม่สามารถขึ้นเป็นรูปได้
 
     อันที่สองเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมสามารถเสียบเข้าต่อๆกันได้คล้ายๆเลโก้ ข้อดีคือมีความแข็งแรง ดัดโค้งงอได้ แต่ข้อเสียคือ เวลาสอดอันหนึ่งเข้าไปอีกอันหนึ่งแล้วจะกินเนื้อที่ของสามเหลี่ยมเข้าไปเยอะซึ่งถ้าจะทำเป็นรูปทรงที่สามารถดัดโค้งงอได้ ก็จะต้องใช้ปริมาณที่มาก และมีขีดจำกัดในการเสียบกระดาษยิ่งเสียบมากช่องก็จะยิ่งแหวกออกมากซึ่งจะทำให้ขาดได้ในที่สุด


      ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาได้ให้ใช้แบบที่สองคือการพับเป็นสามเหลี่ยมไปพัฒนาต่อจนได้เป็นชิ้นงานออกมา







ตรวจงานครั้งที่ 2


         วัสดุที่ใช้คือกระดาษและนำมาพับตามฟอร์มเดิมและมาเสียบต่อๆกันซึ่งลองทำให้มันเป็นทรงที่สูงขึ้นดู




 

        อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่าลองต่อให้มันยาวๆแล้วลองดูว่าสามารถดัดงอแล้วจะหลุด หรืออยู่ทรงไหม ถ้าไม่อยู่หรือหลุดก็ต้องหาวิธีใหม่


ตรวจงานครั้งสุดท้าย

        ใช้การเสียบของสามเหลี่ยมแบบเดิม กลุ่มผมได้ต่อเป็นแบบแพ ซึ่งอีกด้านหนึ่งจะเป็นแพที่โค้งขึ้นมาม้วน








          อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า บริเวณที่โค้งนั้นมันเผละลงมาตามแรงโน้มถ่วงซึ่งถ้าหาอะไรมาค้ำให้มันเป็นตัวหนุนไม่ให้มันเผละ มันก็จะเกิดที่ว่างมากขึ้น.. .

Program 5.3 ( Symbolic Meaning/Three-Dimensional Space/Environment )

โปรแกรมที่ 5.3 ให้ออกแบบที่ว่างสามมิติ จากการทำโมเดลใบงานที่ 5.1 และ 5.2 มาวิเคราะห์ พัฒนารายละเอียด ให้มีลักษณะรูปทรงที่ให้ความรู้สึกถึง ความลื่นไหลมีชีวิตชีวา /การเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง /มีพลวัต พร้อมกำหนดสถานที่หรือสภาพแวดล้อม ภายในพื้นที่โดยรอบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่คาดว่าจะนำรูปทรงที่สร้างไปติดตั้งได้อย่างเหมาะสม

ส่งโมเดลและแบบร่างครั้งที่ 1


       เกิดจากการลดทอนรูปทรงของแมงป่องจากการทำโมเดลใบงานที่ 5.1 และ 5.2 ซึ่งผมได้วิเคราะห์แล้วว่าหางแมงป่องสามารถทำให้มีึความรู้สึกถึงความลื่นไหลมีชีวิตชีวาและเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง จึงได้นำหางแมงป่องมาเรียงติดกันโดยจะตั้งอยู่บริเวณสนามบาสหน้าสโมสรคณะ   หางที่สูงที่สุดจะอยู่ทางด้านแป้นบาสแล้ว slope ลงไปทางม้าหินหน้าสโมสรคณะเพื่อที่เวลาฝนตกน้ำฝนก็จะเทจากด้านสูงลงไปสู่ด้านต่ำแล้วลงสู่บริเวณที่ปลูกต้นไม้ข้างที่นั่งม้าหินและนำก้ามของแมงป่องมาเป็นที่นั่ง




        โดยอาจารย์ให้คำแนะนำว่า หางแมงป่องที่มีขนาดเท่ากันและซ้อนกันธรรมดาๆมันจะน่าเบื่อ อาจารย์จึงแนะนำว่าหางควรจะมีขนาดที่แตกต่างกัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง หรืออาจจะมีปล้องบ้างเป็นบางอัน และก้ามของแมงป่องที่เป็นที่นั่งก็อาจจะมีฝั่งนึงฝังลงไปในดินอีกฝั่งก็โผล่ขึ้นมา ผมจึงได้ไปคิดและไปพัฒนาต่อ. ..



ส่งโมเดลและแบบร่างครั้งที่ 2

        เกิดจากหางแมงป่องที่โค้งขึ้นมาและมีขนาดไม่เท่ากันโดยยังมี slope เหมือนเดิม บางอันเล็กบางอันใหญ่ และมีปล้องเป็นบางอันตามที่อาจารย์ได้ให้คำแนะนำจากการส่งครั้งแรก และยังตั้งบริเวณสนามบาสเหมือนเดิม


      อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า ต่อกันแบบซ้ำๆกันมันดูแข็งไป น่าจะให้มีการขยับของหางบ้าง บางอันขึ้นบางอันลง เป็นต้น และหางแมงป่องควรจะเป็นข้อๆจึงน่าจะเปลี่ยนให้หางเป็นข้อปล้องจะดีกว่า ผมจึงต้องนำไปคิดและพัฒนาต่ออีกเหมือนเคย. ..



ส่งโมเดลและแบบร่างตัวจริง

        พัฒนาจากการส่งครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 จนได้โมเดลตัวจริงชิ้นนี้ออกมา โดยเกิดจากหางที่เป็นปล้องขนาดที่ไม่เท่ากันของหาง โดยสามเหลี่ยมอันที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ที่พื้น และอันถัดจากอันใหญ่นี้ด้านที่ประกบจะเป็นครึ่งนึงของอันใหญ่และจะเป็นเช่นนี้ทุกๆอัน และเก้าอี้ที่นั่งยังคงจะมีลักษณะเหมือนฝังอยู่ในดินเหมือนเดิม



 

      โดยอาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า ได้ชอบส่วนที่เป็นปล้องแต่ละปล้องที่ด้านจะลดลงครึ่งนึงไปเรื่อยๆ แต่ส่วนที่ไม่ชอบก็คือบริเวณก้ามของแมงป่องไม่ได้สอดคล้องกับรูปแบบของหาง ซึ่งอาจารย์ยังได้แนะนำต่อไปว่าถ้าจะนำไปพัฒนาต่อก็ควรจะมีหางสักอันหนึ่งเป็นอย่างน้อยให้มีความเรียบ คือไม่เป็นปล้อง ก็จะทำให้ก้ามที่ดูไม่สอดคล้องดูสอดคล้องได้แล้ว. ..

Program 5.2 ( Meaning/Open Form/Lighting )

      โปรแกรมที่ 5.2 ให้ออกแบบรูปทรงเปิด โดยศึกษาวิเคราะห์จากรูปทรงธรรมชาติและรูปทรงเปิด เพื่อนำไปใช้สอยเป็นโคมไฟ พัฒนาจากงานโปรแกรม 5.1 มาลดทอนรายละเอียด แต่ยังคงสื่อความหมายทั้งด้านนามธรรมและรูปธรรม

      ส่งโมเดลครั้งที่ 1และ SKD

       เกิดจากการพัฒนาจากโปรแกรมที่ 5.1  โดยจาก SKD  ผมจะเจาะบริเวณกระดอง ขา และ หน้าของแมงป่องโดยขั้วหลอดไฟจะอยู่บริเวณปลายหางซึ่งจะฝังลงไปในตัวแมงป่อง เวลาใส่ไฟ ไฟก็จะออกตาม
บริเวณที่เจาะและยังสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยการเอามือสอดเข้าไประหว่างตัวกับหางแมงป่อง ก็สามารถยกเคลื่อนที่ได้   อาจารย์ท่ีปรึกษาได้ให้คำแนะนำว่าการเจาะไม่ควรนำมาใช้ในเรื่อง Open Form ผมจึงต้องไปคิดวิธีอื่นและนำไปพัฒนาต่อ. ..

       

ส่งโมเดลตัวจริง
จากการส่งครั้งที่ 1 ผมได้ใช้การซ้อนกันของปล้องและการเจาะบ้างในบางจุด







  

        จนได้โคมไฟแมงป่องชิ้นนี้ขึ้นมา ซึ่งจากรูปทรงของมันเหมาะกับการเป็นโคมไฟตั้งโต๊ะหรือโคมไฟติดผนัง อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าบริเวณก้ามของโคมไฟแมงป่อง ควรจะเปิดด้านซ้ายหรือขวามากกว่าเปิดขึ้นด้านบน เพราะมันเหมือนเป็นตัวอะไรสักตัวที่จะขุดดิน. ..

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Program 5.1 ( Natural Form / Meaning & Technique )

      โปรแกรมที่ 5.1 ให้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตหรือรูปทรงในธรรมชาติ เพื่อลดทอนรายละเอียดให้ดูเรียบง่าย แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสิ่งนั้น อ้างอิงจากคุณสมบัติ ลักษณะนิสัยชีวิตและความเป็นอยู่ เพื่อพัฒนาเป็นผลงาน 3 มิติ

สิ่งมีชีวิตต้นแบบคือ "แมงป่ิอง"
ลักษณะททางกายภาพและจุดเด่น : ผิวสัมผัส - แมงป่องมีเปลือกหรือกระดองที่แข็ง
                                              สีสัน - สีดำ
                                              ลักษณะเด่น - มี 4 ขา มีก้ามคล้ายก้ามปู และมีหางเป็นปล้องๆซึ่ง
                                                                 หางจะชูชันก็ต่อเมื่อพบศัตรู

สรุปแบบลดทอนรายละเอียด
    ผมได้ลดทอนรายละเอียดบางส่วนของแมงป่องให้เป็นรูปทรรงเรขาคณิต ซึ่งได้คำแนะนำจากอาจารย์ประจำกลุ่ม(อ.ประวุฒิ) ว่าให้ลดทอนให้มากกว่านี้เพราะจากที่วาด sketch design มายังลดทอนไม่พอ จึงนำไปลดทอนเพิ่มและพัฒนาต่อเป็นแบบข้างล่างนี้. ..



      มีด้วยกัน 2 แบบคือ เป็นแบบทรงกลมและแบบสี่เหลี่ยม 
แบบวงกลมนั้นผมได้ใช้รูปทรงที่เป็นโค้งๆทั้งหมดเพื่อจะได้ดูกลมกลืนกัน ส่วนแบบสี่เหลี่ยมนั้นผมก็ใช้รูปทรงที่มีความเป็นเหลี่ยมทั้งหมด
   โดยรูปทรงที่อาจารย์คิดว่าจะไปต่อได้คือ"แบบสี่เหลี่ยม" ซึ่งจะถูกพัฒนาต่อไป. ..

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

My Profile



ชื่อ ภัทรพงษ์พันธ์ นามสกุล เป็นธรรม ชื่อเล่น เดียว
เกิดวันที่ 7 เดือน ธันวาคม ปี พ.ศ. 2535 กรุ๊ปเลือดศาสนา พุทธ
ที่อยู่ปัจจุบัน 210 หมู่บ้านเคหะนคร1 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. 10250
การศึกษา  จบชั้นอนุบาลมาจากนุบาลปรานี
                จบระดับประถมถึงมัธยมปลายจากโรงเรียนเซนต์ดอมินิก
                กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี   
                มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาสถาปัตยกรรม
งานอดิเรก  นอนเล่นกับหมาบนกระดาษลัง 
                 เปลี่ยนน้ำตู้ปลา 
                 วาดรูป 
                 ดูทีวี(ระเบิดเถิดเทิง ตลก6ฉาก ชิง ร้อยชิงล้าน) 
                 ฟังวิทยุ(Fat Radio เท่านั้นนะจ๊ะนะ)
คติประจำใจ ทุกคนได้ยินในสิ่งที่คุณพูด แต่เพื่อนที่ดีที่สุดจะได้ยินแม้ในสิ่งที่คุณไม่ได้พูด
                  จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ
                  ในการที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใดทุกครั้งควรคิดถึงจุดจบด้วย
                  ฝันได้แต่อย่าหวัง
                  เพื่ออะไรกับการรอคอยที่ไม่มีความหมาย
                  ไม่มีใครสะดุดภูเขาล้ม มีแต่สะดุดก้อนหินล้ม
                  อวดโง่ดีกว่าอวดฉลาด
                  อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้คำนึงถึงสิ่งที่กำลังทำ
                  คนที่ไม่เคยทำผิดพลาด คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย
                  ความวิตกกังวล น่ากลัวเสียยิ่งกว่าภยันอันตราย
                  เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้จากเรื่องในอดีต
                  บางทีการหนีก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด
                  (ถ้าคติประจำใจจะเยอะขนาดนี้. ..)

แนวเพลงที่ฟัง: แนวนี้แหละ. ..

Program 1 (My Architect My Journey)

งานโปรแกรมที่ 1 เป็นงานที่ให้นิสิตได้ศึกษาและทำความเข้าใจในงานออกแบบของสถาปนิก /ภูมิสถาปนิกต้นแบบที่นิสิตมีความสนใจ และถ่ายทอดออกมาเป็นงาน 3 มิติ พร้อมนำเสนองานหน้าชั้นเรียน

สถาปนิกต้นแบบ : Shigeru Ban

ประวัติย่อ :
  
         หนึ่งในสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกคือ Shigeru Ban ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นแต่ผลงานของเขากลับมีให้เห็นมากมายในหลายประเทศทางยุโรป และฝั่งอเมริกาด้วย ผลงานที่โดดเด่นอีกอย่างของ Shigeru Ban คือการสร้างบ้านจากกระดาษ ที่นอกจากจะมีการออกแบบที่น่าสนใจแล้ว ยังสามารถใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ไอเดียการใช้วัสดุที่ไม่เหมือนใครนี้เองที่ทำให้เราสนใจผลงานที่ผ่านมาของ Shigeru Ban ที่ทำจากกระดาษ เพราะด้วยข้อจำกัดทั้งหลายของกระดาษนั้น เป็นอุปสรรคต่อการออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างแน่นอน แต่ Shigeru ยังสามารถสร้างให้กระดาษมีความลงตัวกับงานออกแบบได้อย่างดี วัสดุที่ใช้เป็นหลักคือท่อกระดาษ (Paper Tube) ที่เหมือนกับกล่องทรงกระบอกทรงยาวที่เราเห็นทั่วไป ซึ่งมีความแข็งแรงพอที่จะสร้างเป็นโครงสร้างของผลงานของเขาได้ และบาง Project ยังมีการเคลือบผนังที่ทำจากกระดาษด้วยสารกันน้ำ และฉนวนกันความร้อน ทำให้สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้สามารถใช้งานได้อย่างดี และเหมาะกับการพักอาศัย ผลงานของ Shigeru Ban นั้นได้ถูกนำไปใช้ครั้งเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในเมืองโกเบ โดยเป็นบ้านพักฉุกเฉินสำหรับผู้ที่ประสบภัย และอีกครั้งในประเทศรวันดา โดยเป็นบ้านเพื่อผู้ลี้ภัยจากสงครามกลางเมือง สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลงานของ Shigeru ถูกนำมาใช้คือ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้เร็ว (ภายใน 24 ชั่วโมง) และยังใช้วัสดุที่เป็นทางเลือกใหม่ สามารถติดตั้ง และรื้อถอนได้อย่างง่าย
           Paper Church ในเมืองโกเบ เป็นอีกผลงานหนึ่งที่ Shigeru ออกแบบ และสร้างเสร็จในปี 1995 ตอนนี้ได้ถูกรื้อถอนออกจากเมืองโกเบ และวัสดุทุกชิ้นนั้นได้เคลื่อนย้ายไปติดตั้งใหม่ที่กรุงไทเป ในไต้หวัน ซึ่งเป็นอีกคุณประโยชน์หนึ่งของงานที่ใช้วัสดุจาก Paper Tube นั่นก็คือสามารถรื้อถอน และนำกลับไปใช้ใหม่ได้ โดยที่ยังไม่เสียหายแม้แต่น้อย Paper Church ในไต้หวันติดตั้งเสร็จในช่วงปี 2007

ที่มา: http://pack.exteen.com/20090917/a-shigeru-ban-paper-tube-stractures


ภาพผลงานที่นำแรงบันดาลใจของ Shigeru Ban มาถ่ายทอดใหม่ :



 เกิดจากการนำเอาแรงบันดาลใจในการใช้วัสดุอุปกรณ์ของ Shigeru Ban มา นั่นก็ึคือ แกนกระดาษทิชชู่(Paper Tube) โดยผมได้ใช้กระดาษลังมาเลาะเปลือกนอกออก เพื่อจะจำลองให้มีความคล้ายคลึงกับแกนทิชชู่ขนาดยักษ์ของ Shigeru Ban ซึ่งผมได้นำมาประกอบเป็นที่พักอาศัยแบบจำลอง โดยผมออกแบบให้ข้างบนเป็นแผ่นราบเพราะบนหลังคาสามารถใช้งานบนหลังคาได้ หรือใช้วางสิ่งของได้ และแนว Slope จากหลังคาแรกไปหลังคาที่สองก็คือกระจก หรือช่องระบายอากาศ(Ventilation hole) ผมคิดว่าผู้หลบภัยหรือผู้พักอาศัยก็คงจะอึดอัด ถ้าภายในบริเวณที่เค้าอยู่ไม่มีช่องให้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลย นอกเสียจากจะเดินออกมาจากตัวบ้าน

Program 2.1 { Knowing Some Great Architects }

จากผลงานต้นแบบของ Alvar Aalto

Wolfsburg Cultural Center
(1958-1962) at wolfsburg Germany


          โดยงานชิ้นนี้ให้วิเคราะห์ภาพผลงานของสถาปนิกและทำการออกแบบ โดยสร้างผลงาน 2 มิติ ในกระดาษ 100 ปอนด์ ขนาด A4 ใช้กระดาษสีขาวและดำตัดแปะ โดยสื่อถึงแนวความคิดและความหมายของภาพ ประเมินจากความคิดสร้างสรรค์และการใช้เทคนิคต่างๆในการออกแบบ

งานชิ้นที่ 1     ออกแบบและสร้างผลงานโดยใช้องค์ประกอบจุด (Dot)

          งานชิ้นนี้ผมได้ร่างภาพตามภาพต้นแบบและได้ตัดกระดาษเป็นสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ นำมาเรียงให้เหมือนภาพต้นแบบมากที่สุด บางคนอาจสงสัยว่า"มันเหมือนภาพต้นแบบตรงไหน?" ผมจะบอกว่านี่เป็นงานชิ้นแรกๆที่ผมยังกะเวลาในการทำงานไม่ค่อยเป็น แต่ก็ทำให้ทันเวลาในการส่งและดีที่สุดนะจ๊ะนะ


งานชิ้นที่ 1     ออกแบบและสร้างผลงานโดยใช้องค์ประกอบเส้น (Line)


          งานชิ้นที่2 นี้ก็เริ่มจากการร่างภาพให้เหมือนตัวอย่างอีกเช่นเดียวกัน แล้วตัดกระดาษสีดำให้เป็นเส้นๆ บริเวณไหนที่เป็นจุดเด่นเช่นเป็นรอยหลังคาก็จะมีความถี่มากกว่าที่อื่น


งานชิ้นที่ 1     ออกแบบและสร้างผลงานโดยใช้องค์ประกอบระนาบ (Plane)
 

          งานชิ้นที่3 ก็ใช้หลักการร่างเช่นเดียวกันกับงานชิ้นที่1และชิ้นที่2 และทำการตัดกระดาษสีดำในส่วนที่เด่นๆ แล้วเว้นระยะห่างเพื่อนดูไม่เป็นชิ้นเดียวกันเ้กินไป จากนั้นก็ติดกาวตามภาพต้นแบบ

Program 2.2 (Knowing Some Great Architects)

          โปรแกรมที่ 2.2 เป็นโปรแกรมสืบเนื่องมาจากโปรแกรมที่ 2.1 โดยใช้ทักษะในการสร้างงานทัศนศิลป์ 2 มิติจากองค์ประกอบในความนึกคิด (Conceptual Elements ) และองค์ประกอบที่มองเห็น (Visual Elements) โดยอาศัยการจัดองค์ประกอบของจุด เส้น ระนาบ (Dot,Line,Plane)

          งานชิ้นที่ 1 ออกแบบและสร้างผลงาน 2 มิติ ด้วยการจัดองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบได้แก่ จุด(Dot) เส้น(Line) และระนาบ(Plane) โดยผลงานสื่อถึงแนวคิดและความหมายของภาพจากปฏิบัติการที่2.1


          งานชิ้นนี้เริ่มจากการร่างภาพตามภาพต้นแบบ แล้ววิเคราะห์ถึงจุดเด่นต่างๆเพื่อจะได้ตัดกระดาษถูกว่า ตรงไหนควรเป็นจุด ตรงไหนควรเป็นเส้น และตรงไหนควรเป็นระนาบ ซึ่งในที่นี้ก็คือหลังคาที่เป็นเส้น และส่วนประกอบที่ไม่ค่อยชัดเจนนักหรือเล็กมากๆก็ให้เป็นจุด และส่วนที่มีรายละเอียดน้อยๆแต่เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ให้เป็นระนาบ


งานชิ้นที่ 2 ออกแบบและสร้างผลงาน 2 มิติ ด้วยการจัดองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบได้แก่ จุด(Dot) เส้น(Line) และระนาบ(Plane) โดยเลือกเพียง 1 องค์ประกอบและเลือกเทคนิคการจัดองค์ประกอบจากคำที่กำหนดให้เพียง 1 เทคนิค ในการสร้างสรรค์งาน โดยยังต้องสื่อถึงแนวคิดและความหมายของภาพต้นแบบ

เทคนิคที่กำหนดให้มีดังนี้
- การซ้ำ                       - ความคล้ายคลึง                 - ความขัดแย้ง
- ความหนาแน่น             - การแปรเปลี่ยน                  - ความไม่ปรกติ
- การจัดแบบมีศูนย์กลาง 



ผมเลือกใช้'ระนาบ'และเทคนิคการ'จัดแบบมีศูนย์กลาง'จนได้ภาพนี้ขึ้นมา



         จากภาพตัวอย่างก็สื่อความหมายในตัวอยู่แล้วดูจากหลังคาที่เป็นเส้นๆว่ามันพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง ผมจึงเลือกใช้ เทคนิคการจัดแบบมีศูนย์กลาง และใช้ระนาบเพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจน

Program 2.3 (Knowing Some Great Architects)

           โปรแกรมที่ 2.3 นี้ยังเป็นโปรแกรมสืบเนื่องมากจากโปรแกรมที่ 2.1 โดยใช้ทักษะในการสร้างงานทัศนศิลป์ 2 มิติจากองค์ประกอบในความนึกคิด (Conceptual Elements ) และองค์ประกอบที่มองเห็น (Visual Elements ) โดยอาศัยการจัดองค์ประกอบของจุด เส้น ระนาบ (Dot,Line,Plane)


งานชิ้นที่ 1 

ออกแบบและสร้างผลงาน 2 มิิติ ด้วยการจัดองค์ประกอบของรูปร่าง (Shape) โดยให้เลือกรูปร่างจากคำที่กำหนดให้เพียง 1 ประเภท และเลือกเทคนิคการจัดองค์ประกอบจากคำที่กำหนดให้ 1 เทคนิค ในการสร้างสรรค์ผลงาน

รูปร่างที่กำหนดให้มีดังนี้

                    - เรขาคณิต                   - ธรรมชาติ                     - อุบัติภาพ
                    - รูปไม่สม่ำเสมอ            - รูปอิสระ                       - รูปที่มีด้านเป็นเส้นตรง
 
เทคนิคที่กำหนดให้มีดังนี้
- การซ้ำ                       - ความคล้ายคลึง                 - ความขัดแย้ง
  - ความหนาแน่น             - การแปรเปลี่ยน                  - ความไม่ปรกติ
                    - การจัดแบบมีศูนย์กลาง 
 
โดยงานชิ้นนี้ผมได้เลือกรูปร่าง'รูปที่มีด้านเป็นเส้นตรง'และเลือกเทคนิค 'การจัดแบบมีศูนย์กลาง'ในการสร้างสรรค์ผลงานจนได้ภาพนี้ออกมา


          งานชิ้นนี้เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ภาพแล้วจึงร่างภาพลงทั้งกระดาษขาวและกระดาษดำ โดยที่ร่างไว้ทั้ง2กระดาษเพราะผมใช้เทคนิคตัดกระดาษดำแปะลงบนกระดาษขาวที่ร่างบนกระดาษขาวเพื่อแสดงตำแหน่งว่ากระดาษดำที่ตัดมาแล้วนั้นจจะแปะบริเวณไหน โดยทุกส่วนของกระดาษสีดำทุกด้านจะต้องเป็นเส้นตรง และจะเห็นว่าภาพดึงสายตาของเราเข้าสู่ศูนย์กลางด้วยเช่นกัน โดยจากภาพจะเห็นว่าผมจะเว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อจะไำด้ไม่เป็นระนาบเดียวกันจนเกินไปและโดยภาพรวมยังคงแนวความคิดของภาพต้นแบบไว้



งานชิ้นที่ 2 

ออกแบบและสร้างผลงาน 2 มิิติ ด้วยการจัดองค์ประกอบของรูปร่าง (Shape) โดยให้เลือกรูปร่างประเภทเดียวกับที่เลือกใช้ในงานชิ้นที่ 1 และเลือกเทคนิคการจัดองค์ประกอบจากคำที่กำหนดให้ 1 เทคนิคต้องเป็นเทคนิคที่ไม่ซ้ำกับผลงานชิ้นที่ 1 ในการสร้างสรรค์ผลงาน

โดยจากโจทย์ ได้กำหนดให้ใช้รูปร่างเดียวกับงานชิ้นที่1 นั่นก็คือ'รูปที่มีด้านเป็นเส้นตรง'และเทคนิคใหม่ที่ผมเลือกคือ 'ความไม่ปรกติ' และได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นภาพนี้.


          ภาพนี้ใช้หลักการเดียวกันกับภาพแรก คือร่างภาพในกระดาษไว้ทั้งขาวและดำ โดยทุกด้านต้องเป็นเส้นตรง และผมได้เพิ่มความไม่ปรกติเข้าไป สังเกตุจากบางจุดที่จะผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวไป แต่เทคนิคที่ใช้นี้ก็ยังคงรักษาภาพรวมตามภาพต้นแบบไว้ เพื่อคงแนวความคิดและความหมายให้เปลี่ยนแปลงไปน้อยที่สุด

Program 3.3 (Great Architects Pop Up)

โปรแกรมที่ 3.3 เป็นการออกแบบและสร้างงาน 3 มิติ โดยการจัดองค์ประกอบของจุด เส้น ระนาบ(Dot,Line,Plane) โดยเลือกจากผลงานของสถาปนิกชื่อดัง เพื่อฝึกทักษะในการใช้สีและการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม

สถาปนิกต้นแบบ : Nicholas Grimshaw
ชื่อผลงาน : The Eden Project
ภาพต้นแบบ :      



           ซึ่งผลงานที่ออกแบบจะใช้เป็นส่วนหนึ่งในงานรับปริญญาของพี่ๆบัณฑิต เพื่อใช้สำหรับการบันทึกภาพ ดังนั้นงานที่สร้างออกมาจะต้องคำนึงถึงการใช้้ประโยชน์ใช้สอย ลูกเล่นต่างๆ และพื้นที่ในการติดตั้งผลงานให้มีความสวยงาม และต้องทนต่อสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมภายในพื้นที่ของคณะด้วย และต้องเลือกว่าจะตั้งผลงานของเราไว้บริเวณไหน

ภาพผลงาน :







          งานที่สร้างสรรค์ออกมาเกิดจากการนำเอาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมต้นแบบมาประยุกต์โดยยังคงความเป็นต้นแบบอยู่ จากสถาปัตยกรรมต้นแบบจะเห็นว่าเอกลักษณ์คือลักษณะของรูปทรง 6 เหลี่ยมซึ่งเป็นกระจกใสๆ และต่อกันจนคล้ายรังผึ้ง เราจึงเจาะช่องหกเหลี่ยมบางช่องของผลงานเพื่อนจะได้ให้พี่ๆบัณฑิตยื่นมือ แขน หรือหัวออกมาโพสท์ท่าสวยๆตามใจชอบ และยังมีที่เป็นส่วนของงานที่ห้อยๆไว้คล้ายโมบายด์และ ฉากหลังของเรายังทำเป็นความลึกหรือเว้นที่ไว้ให้สำหรับพี่ๆมายืนหรือนั่งได้
สีที่ใช้ เราใช้เทคนิคสีข้างเคียง ซึ่งประกอบด้วยสีน้ำเงิน น้ำเงินเขียวและเขียว