วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Program 3.2 ( Color & Modern Art )

โปรแกรมที่ 3.2 เป็นการศึกษาเรื่องทฤษฎีสี การสร้างงานศิลปะยุคสมัยต่างๆของศิลปะสมัยใหม่และสามารถสื่อความหมายเป็นผลงานศิลปะ 2 มิติ

   โจทย์ : ออกแบบและสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ 2 มิติ จำนวน 2 ภาพ โดยใช้ทฤษฎีสีและเทคนิคการจัดองค์ประกอบแบบต่าง ประกอบการนำเสนองานจากยุคสัมยของศิลปะสมัยใหม่ โดยใช้เทคนิค IMPRESSIONISM และ CUBISM อย่างละ 1 ภาพ โดยนำภาพต้นแบบจากผลงานของสถาปนิก
จากปฎิบัติการที่ 2


หมายเลขภาพต้นแบบ :  4
แนวทางศิลปะ           : IMPRESSIONISM
แนวความคิด             : เหมือนจริงมากที่สุด ใช้เทคนิคโครงสีแบบเดียว




 
หมายเลขภาพต้นแบบ :  4
แนวทางศิลปะ           : CUBISM
แนวความคิด             : ทุกอย่างเป็นเหลี่ยมหมด ให้สีม่วงเป็นจุดเด่นของภาพ

Program 3.1 ( The Meaning of Nature's Colors )

โปรแกรมที่ 3.1 เป็นการศึกษาเรื่องทฤษฎีสี เทคนิคความสว่างของสี เทคนิคการลดความสด รวมถึง โครงสี เพื่อประยุกต์ใช้ในงานออกแบบ

   โจทย์ : ให้เลือกใช้สีตามทฤษฎีโครงสี คู่กับเทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี หรือเทคนิคลดความสดของสี อย่างใดอย่างนึง มีลำดับสี 5 ลำดับเป็นอย่างน้อย  โดยผลงานที่สร้างสรรค์เป็นการนำเค้าโครงสีที่มีในธรรมชาติมาประยุกต์

 
 
ทฤษฎีโครงสี  :   โครงสีแบบข้างเคียง
เทคนิค           :   เทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี
แนวความคิด   :   ต้นไม้สลัวๆ. ..

Program Sightseeing ( ทัศนศึกษา )

โปรแกรมนี้ต้องการให้นิสิตไปทัศนศึกษา เพื่อวิเคราะห์ชิ้นงานศิลปะ หรือผลงานออกแบบนิเทศศิลป์ หรือผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน หรืองานสถาปัตยกรรม เพื่อทำการนำเสนอข้อมูล โดยสรุปผลการวิเคราะห์ การจัดองค์ประกอบ ทฤษฎีสี การสื่อความหมาย รูปร่าง รูปทรง และที่ว่าง การออกแบบแสง เป็นต้น นำเสนอผลงานในชั้นเรียน

สถานที่ทัศนศึกษา : ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ(TCDC)



           โดยผมได้เลือกทำห้องสมุดของ TCDC ก็เพราะชอบเป็นการส่วนตัว ในเรื่องของการจัดองค์ประกอบในหลายๆด้าน ที่นี่มีความเป็นโมเดิร์นแบบเรียบง่ายๆ โดยบริเวณเคาร์เตอร์ เป็นลายต้นไม้คล้ายลายไทยโดยใช้สีทอง และพื้นหลังสีดำ ที่นี่ใช้พื้นไม้เพื่อแสดงถึงความอบอุ่น และตีตามยาวไปเพราะจะไำด้แสดงถึงความลึก  ในบริเวณที่เป็นโต๊ะไฟก็จะมีไฟส่องสว่างอย่างทั่วถึงทั่วบริเวณ  และยังมีเบาะรองนั่งเป็นรูปทรงเรขาคณิต จัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบและมีหลายสีเพื่อกำจัดความน่าเบื่อ และชั้นวางหนังสือก็เป็นไม้ เพื่อกลมกลืนกับพื้นไม้

           อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า ถ้าจะเลือกเน้นลงสีในจุดบางจุดก็ได้ เช่นในเรื่องของเคาร์เตอร์ที่มีต้นไม้สีทองพื้นหลังสีดำ คนที่ไม่เคยไปก็จะไม่รู้ว่ามันมีลักษณะสียังไงหรือเป็นแบบไหน ถ้าลงสีมาจะทำให้กระจ่างขึ้น และการนำเสนอควรนำเสนอภาพรวมทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาอธิบายเฉพาะจุด. ..

Program 6.2 ( รูปทรงและที่ว่างแห่งอิริยาบท )

โปรแกรมที่ 6.2  ให้นำผลงานจากปฎิบัติการที่ 6.1 มาพัฒนาสร้างเป็นรูปทรงและที่ว่าง 3 มิติ เพื่อรับรองการใช้งานของมนุษย์ 1 คน ซึ่งสามารถใช้สอยที่ว่างภายในของรูปทรงนั้นได้ด้วยกิริยาท่าทางอย่างน้อย 1 อิริยาบถ โดยจัดทำรูปทรง 3 มิติตามขนาดวัสดุจริง ย่อขนาดมนุษย์ลงในอัตราส่วน 1:5


ตรวจงานครั้งที่1และครั้งที่ 2 

       เราก็ได้ไปพัฒนาเป็นรูปทรงโค้งมาบรรจบกันเพื่อจะได้ยึดเป็นที่ว่างภายในได้ อาจารย์ก็ได้ให้ข้อคิดและลูกเล่นคือการดัดหรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ จนไปถึงการตรวจครั้งสุดท้าย


ตรวจงานครั้งสุดท้าย

       จากครั้งที่1 และ 2 เราก็ได้พัฒนาเป็นที่ว่างให้คนสามารถเข้าไปเล่นอะไรก็ได้ข้างใน เราสร้างสรรค์ให้คน open mind ว่าจะทำอะไรกับงานของเราซึ่งจากวัสดุที่เป็นกระดาษและเกิดจากการพับรวมๆกันเยอะๆก็จะเกิดความหนักของชิ้นงาน เราเลยทำเป็นประติมากรรมไปในตัวไปด้วย







        อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่ามันดูเล็กเกินไป แคบเกินไป และ SKD ถ้าอะไรไม่เกี่ยวข้องกับงานก็ไม่ต้องใส่มา และวิธีการเสียบกระดาษนั้นควรจะมีตัวอย่างชิ้นงานมาเสียบให้ดูบริเวณการนำเสนอ ไม่ใช่มาพูดปากเปล่าเพราะ บางคนนึกภาพไม่ออก

Program 6.1 ( รูปทรงและที่ว่างแห่งอิริยาบท )

   โปรแกรมที่ 6.1ให้จัดกลุ่มทำงานคู่ เพื่อศึกษาและทดลองถึงคุณสมบััติวัสดุ ถึงศักยภาพและขีดจำกัด เพื่อใช้เป็นวัสดุหลักในการสร้างรูปทรงและที่ว่าง 3 มิติ (ที่สามารถคงรูปได้) โดยใช้เทคนิคการขึ้นรูปทรงและที่ว่าง อย่างน้อย 2 ชนิดและอย่างละ 2 เทคนิค


ตรวจงานครั้งที่ 1 
กลุ่มผมทำกระดาษมาทั้ง 2 คน


     อันแรกเป็นแบบคล้ายๆยางรัดผมโดยเกิดจากการพับ ซึ่งมีข้อดีคือสามารถบิดเข้าออกได้ แต่ข้อเสียคือไม่สามารถขึ้นเป็นรูปได้
 
     อันที่สองเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมสามารถเสียบเข้าต่อๆกันได้คล้ายๆเลโก้ ข้อดีคือมีความแข็งแรง ดัดโค้งงอได้ แต่ข้อเสียคือ เวลาสอดอันหนึ่งเข้าไปอีกอันหนึ่งแล้วจะกินเนื้อที่ของสามเหลี่ยมเข้าไปเยอะซึ่งถ้าจะทำเป็นรูปทรงที่สามารถดัดโค้งงอได้ ก็จะต้องใช้ปริมาณที่มาก และมีขีดจำกัดในการเสียบกระดาษยิ่งเสียบมากช่องก็จะยิ่งแหวกออกมากซึ่งจะทำให้ขาดได้ในที่สุด


      ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาได้ให้ใช้แบบที่สองคือการพับเป็นสามเหลี่ยมไปพัฒนาต่อจนได้เป็นชิ้นงานออกมา







ตรวจงานครั้งที่ 2


         วัสดุที่ใช้คือกระดาษและนำมาพับตามฟอร์มเดิมและมาเสียบต่อๆกันซึ่งลองทำให้มันเป็นทรงที่สูงขึ้นดู




 

        อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่าลองต่อให้มันยาวๆแล้วลองดูว่าสามารถดัดงอแล้วจะหลุด หรืออยู่ทรงไหม ถ้าไม่อยู่หรือหลุดก็ต้องหาวิธีใหม่


ตรวจงานครั้งสุดท้าย

        ใช้การเสียบของสามเหลี่ยมแบบเดิม กลุ่มผมได้ต่อเป็นแบบแพ ซึ่งอีกด้านหนึ่งจะเป็นแพที่โค้งขึ้นมาม้วน








          อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า บริเวณที่โค้งนั้นมันเผละลงมาตามแรงโน้มถ่วงซึ่งถ้าหาอะไรมาค้ำให้มันเป็นตัวหนุนไม่ให้มันเผละ มันก็จะเกิดที่ว่างมากขึ้น.. .

Program 5.3 ( Symbolic Meaning/Three-Dimensional Space/Environment )

โปรแกรมที่ 5.3 ให้ออกแบบที่ว่างสามมิติ จากการทำโมเดลใบงานที่ 5.1 และ 5.2 มาวิเคราะห์ พัฒนารายละเอียด ให้มีลักษณะรูปทรงที่ให้ความรู้สึกถึง ความลื่นไหลมีชีวิตชีวา /การเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง /มีพลวัต พร้อมกำหนดสถานที่หรือสภาพแวดล้อม ภายในพื้นที่โดยรอบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่คาดว่าจะนำรูปทรงที่สร้างไปติดตั้งได้อย่างเหมาะสม

ส่งโมเดลและแบบร่างครั้งที่ 1


       เกิดจากการลดทอนรูปทรงของแมงป่องจากการทำโมเดลใบงานที่ 5.1 และ 5.2 ซึ่งผมได้วิเคราะห์แล้วว่าหางแมงป่องสามารถทำให้มีึความรู้สึกถึงความลื่นไหลมีชีวิตชีวาและเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง จึงได้นำหางแมงป่องมาเรียงติดกันโดยจะตั้งอยู่บริเวณสนามบาสหน้าสโมสรคณะ   หางที่สูงที่สุดจะอยู่ทางด้านแป้นบาสแล้ว slope ลงไปทางม้าหินหน้าสโมสรคณะเพื่อที่เวลาฝนตกน้ำฝนก็จะเทจากด้านสูงลงไปสู่ด้านต่ำแล้วลงสู่บริเวณที่ปลูกต้นไม้ข้างที่นั่งม้าหินและนำก้ามของแมงป่องมาเป็นที่นั่ง




        โดยอาจารย์ให้คำแนะนำว่า หางแมงป่องที่มีขนาดเท่ากันและซ้อนกันธรรมดาๆมันจะน่าเบื่อ อาจารย์จึงแนะนำว่าหางควรจะมีขนาดที่แตกต่างกัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง หรืออาจจะมีปล้องบ้างเป็นบางอัน และก้ามของแมงป่องที่เป็นที่นั่งก็อาจจะมีฝั่งนึงฝังลงไปในดินอีกฝั่งก็โผล่ขึ้นมา ผมจึงได้ไปคิดและไปพัฒนาต่อ. ..



ส่งโมเดลและแบบร่างครั้งที่ 2

        เกิดจากหางแมงป่องที่โค้งขึ้นมาและมีขนาดไม่เท่ากันโดยยังมี slope เหมือนเดิม บางอันเล็กบางอันใหญ่ และมีปล้องเป็นบางอันตามที่อาจารย์ได้ให้คำแนะนำจากการส่งครั้งแรก และยังตั้งบริเวณสนามบาสเหมือนเดิม


      อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า ต่อกันแบบซ้ำๆกันมันดูแข็งไป น่าจะให้มีการขยับของหางบ้าง บางอันขึ้นบางอันลง เป็นต้น และหางแมงป่องควรจะเป็นข้อๆจึงน่าจะเปลี่ยนให้หางเป็นข้อปล้องจะดีกว่า ผมจึงต้องนำไปคิดและพัฒนาต่ออีกเหมือนเคย. ..



ส่งโมเดลและแบบร่างตัวจริง

        พัฒนาจากการส่งครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 จนได้โมเดลตัวจริงชิ้นนี้ออกมา โดยเกิดจากหางที่เป็นปล้องขนาดที่ไม่เท่ากันของหาง โดยสามเหลี่ยมอันที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ที่พื้น และอันถัดจากอันใหญ่นี้ด้านที่ประกบจะเป็นครึ่งนึงของอันใหญ่และจะเป็นเช่นนี้ทุกๆอัน และเก้าอี้ที่นั่งยังคงจะมีลักษณะเหมือนฝังอยู่ในดินเหมือนเดิม



 

      โดยอาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า ได้ชอบส่วนที่เป็นปล้องแต่ละปล้องที่ด้านจะลดลงครึ่งนึงไปเรื่อยๆ แต่ส่วนที่ไม่ชอบก็คือบริเวณก้ามของแมงป่องไม่ได้สอดคล้องกับรูปแบบของหาง ซึ่งอาจารย์ยังได้แนะนำต่อไปว่าถ้าจะนำไปพัฒนาต่อก็ควรจะมีหางสักอันหนึ่งเป็นอย่างน้อยให้มีความเรียบ คือไม่เป็นปล้อง ก็จะทำให้ก้ามที่ดูไม่สอดคล้องดูสอดคล้องได้แล้ว. ..

Program 5.2 ( Meaning/Open Form/Lighting )

      โปรแกรมที่ 5.2 ให้ออกแบบรูปทรงเปิด โดยศึกษาวิเคราะห์จากรูปทรงธรรมชาติและรูปทรงเปิด เพื่อนำไปใช้สอยเป็นโคมไฟ พัฒนาจากงานโปรแกรม 5.1 มาลดทอนรายละเอียด แต่ยังคงสื่อความหมายทั้งด้านนามธรรมและรูปธรรม

      ส่งโมเดลครั้งที่ 1และ SKD

       เกิดจากการพัฒนาจากโปรแกรมที่ 5.1  โดยจาก SKD  ผมจะเจาะบริเวณกระดอง ขา และ หน้าของแมงป่องโดยขั้วหลอดไฟจะอยู่บริเวณปลายหางซึ่งจะฝังลงไปในตัวแมงป่อง เวลาใส่ไฟ ไฟก็จะออกตาม
บริเวณที่เจาะและยังสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยการเอามือสอดเข้าไประหว่างตัวกับหางแมงป่อง ก็สามารถยกเคลื่อนที่ได้   อาจารย์ท่ีปรึกษาได้ให้คำแนะนำว่าการเจาะไม่ควรนำมาใช้ในเรื่อง Open Form ผมจึงต้องไปคิดวิธีอื่นและนำไปพัฒนาต่อ. ..

       

ส่งโมเดลตัวจริง
จากการส่งครั้งที่ 1 ผมได้ใช้การซ้อนกันของปล้องและการเจาะบ้างในบางจุด







  

        จนได้โคมไฟแมงป่องชิ้นนี้ขึ้นมา ซึ่งจากรูปทรงของมันเหมาะกับการเป็นโคมไฟตั้งโต๊ะหรือโคมไฟติดผนัง อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าบริเวณก้ามของโคมไฟแมงป่อง ควรจะเปิดด้านซ้ายหรือขวามากกว่าเปิดขึ้นด้านบน เพราะมันเหมือนเป็นตัวอะไรสักตัวที่จะขุดดิน. ..

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Program 5.1 ( Natural Form / Meaning & Technique )

      โปรแกรมที่ 5.1 ให้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตหรือรูปทรงในธรรมชาติ เพื่อลดทอนรายละเอียดให้ดูเรียบง่าย แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสิ่งนั้น อ้างอิงจากคุณสมบัติ ลักษณะนิสัยชีวิตและความเป็นอยู่ เพื่อพัฒนาเป็นผลงาน 3 มิติ

สิ่งมีชีวิตต้นแบบคือ "แมงป่ิอง"
ลักษณะททางกายภาพและจุดเด่น : ผิวสัมผัส - แมงป่องมีเปลือกหรือกระดองที่แข็ง
                                              สีสัน - สีดำ
                                              ลักษณะเด่น - มี 4 ขา มีก้ามคล้ายก้ามปู และมีหางเป็นปล้องๆซึ่ง
                                                                 หางจะชูชันก็ต่อเมื่อพบศัตรู

สรุปแบบลดทอนรายละเอียด
    ผมได้ลดทอนรายละเอียดบางส่วนของแมงป่องให้เป็นรูปทรรงเรขาคณิต ซึ่งได้คำแนะนำจากอาจารย์ประจำกลุ่ม(อ.ประวุฒิ) ว่าให้ลดทอนให้มากกว่านี้เพราะจากที่วาด sketch design มายังลดทอนไม่พอ จึงนำไปลดทอนเพิ่มและพัฒนาต่อเป็นแบบข้างล่างนี้. ..



      มีด้วยกัน 2 แบบคือ เป็นแบบทรงกลมและแบบสี่เหลี่ยม 
แบบวงกลมนั้นผมได้ใช้รูปทรงที่เป็นโค้งๆทั้งหมดเพื่อจะได้ดูกลมกลืนกัน ส่วนแบบสี่เหลี่ยมนั้นผมก็ใช้รูปทรงที่มีความเป็นเหลี่ยมทั้งหมด
   โดยรูปทรงที่อาจารย์คิดว่าจะไปต่อได้คือ"แบบสี่เหลี่ยม" ซึ่งจะถูกพัฒนาต่อไป. ..